(26 พ.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศจำนวน 4 ฉบับ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันในการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 ในการคุมสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทุกฉบับลงนามโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ครม. เคาะต่อเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน ถึง 30 มิ.ย. 63
ประกาศ เรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 2) มีใจความว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คราวที่ 1 ออกไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 นั้นรัฐบาลได้ดำเนินบรรดามาตรการต่างๆ อันจำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการห้ามออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด การจำกัดการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง และการห้ามใช้อาคารหรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรค
รวมทั้งการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยหัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติงาน ตามหน้าที่และอำนาจที่ได้รับมอบหมายโดยเข้มงวด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวของรัฐบาลเป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกระยะหนึ่ง นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2563 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563
ที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/122/T_0033.PDF
ประกาศ เรื่องการให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ มีใจความว่า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือ ประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คณะรัฐมนตรี (ครม.)
จึงมีมติให้บรรดาประกาศที่ครม.กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 5/2563 เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าครม.จะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป
Advertisementที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/122/T_0034.PDF
ประกาศ เรื่องการให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ มีใจความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป
ที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/122/T_0035.PDF
ประกาศ เรื่องการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรี ตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 2) มีใจความว่า เพื่อให้การสั่งการและการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ครม.
จึงมีมติให้ยกเลิกการโอนอำนาจหน้าที่ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหรือที่มีอยู่ตามกฎหมาย มาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ให้ส่วนราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายข้างต้นยังคงใช้อำนาจหน้าที่เช่นเดิมต่อไป ตามหลักเกณฑ์ที่นายกรัฐมนตรีกำหนด เว้นแต่จะมีประกาศหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563เป็นต้นไป
ที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/122/T_0036.PDF